หลังจากที่ฉางฉินกับจีซู่แต่งงานกันแล้ว
ก็ไปฮันนีมูนที่ฮาวาย แต่เนื่องจากการแต่งงาน
ที่แสนจะพิสดาร ทำให้จีซู่อารมณ์ไม่ค่อยจะดี
พอขึ้นเครื่องก็เอาแต่นอน และแน่นอนว่าระหว่าง
ทั้งคู่ยังไม่มีคืนแสนหวานเกิดขึ้น
บนเครื่องบิน
ระหว่างที่จีซู่เอาแต่หลับฉางฉินกำลังตื่นเต้นกับฮันนีมูน เธอก็ได้พบกับคู่ฮันนีมูนอีกคู่ที่นั่งข้างๆกันก็คือ คุณภรรยาสาวสวยเซ็กซี่กับคุณสามีที่ดูท่าทางกลัวเมียเต็มที่ (ในการ์ตูนชื่อว่า มาริ กับ ทาคุมิ)
มาริเห็นจีซู่เอาแต่หลับเลยถามออกมา “ทำไมจีซู่ถึงได้ปล่อยให้ฉางฉินนั่งเหงาอยู่คนเดียวแล้วตัวเองเอาแต่นอน”
มาริก็เลยชวนฉางฉินคุย โดยให้ทาคุมิไปเอาเครื่องดื่มกับแมกกาซีนมาให้ ความใจดีของสามีมาริทำให้ฉางฉินเอามาเปรียบกับสามีตัวเอง และบอกว่ากว่าตัวเองจะเอาชนะใจจีซู่ได้ก็ใช้เวลาตั้งห้าปี (ในการ์ตูน 6 ปี แต่ในหนังไม่แน่ใจ) มาริเลยปลอบบอกว่า “ไม่เป็นไร เพราะยังไงตอนนี้ข้าวสารก็กลายเป็นข้าวสุกไปแล้ว”
ฉางฉินเผลอปฏิเสธทำให้มาริตกใจเผลอตะโกนออกมาเสียงดัง แถมยังหัวเราะใส่ว่า “ท่าทางจะเห็นลางหย่ามาแต่ไกล” ฉางฉินได้ยินก็รู้สึกแปลกๆกับมาริ
พอถึงสนามบิน ที่ฮาวาย ฉางฉินเกิดปัญหาที่ทางออกผู้โดยสารเนื่องจากพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ จีซู่เลยพูดและตอบคำถามแทน พร้อมทั้งตำหนิฉางฉินเรื่องความไม่ได้เรื่องของเธอ ระหว่างที่ทั้งคู่เดินออกมาจากสนามบิน ทาคุมิก็วิ่งมาขอความช่วยเหลือจากทั้งคู่ และนั่นทำให้มาริรู้สึกปิ๊งจีซู่ขึ้นมาทันที
แน่นอนว่าการฮันนีมูนของทั้งคู่ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ มาริคอยแต่จะตามติดจีซู่ตลอด ทำให้ฉางฉินรู้สึกแย่ อีกอย่างระหว่างเธอกับจีซู่ก็ยังไม่ผ่านคืนหวานชื่นกันเลย
จนคืนสุดท้าย ฉางฉินขอให้เป็นคืนที่แสนโรแมนติกระหว่างเธอกับจีซู่ แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่ราบรื่นอีกเมื่อทาคุมิวิ่งมาขอความช่วยเหลือจากจีซู่ บอกว่ามาริปวดท้องมาก ฉางฉินเห็นจีซู่วิ่งไปดูอาการรู้สึกว่าเธออาจจะพลาดคืนนี้ไปอีกก็ได้ เลยทวงถามสัญญาจากจีซู่ พร้อมทั้งไม่อยากให้จีซู่แตะต้องตัวมาริ เลยโดนจีซู่ตำหนิใส่ว่า
“ฉันเป็นหมอนะ! ถ้ามัวมาหึงหวงกันแม้แต่ในเวลาแบบนี้ เห็นทีจะอยู่ด้วยกันไม่ได้”
ทำให้ฉางฉินเสียใจวิ่งหนีออกไปจากโรงแรม
จีซู่หันมาบอกให้ทาคุมิไปซื้อยาแก้ปวดท้องจากร้านแถวๆโรงแรม ทำให้ในห้องเหลือแค่จีซู่กับมาริ
อยู่ๆมาริก็เลื่อนมือมาจับแขนจีซู่ “ท่าทางคุณเย็นชากับฉางฉินจังนะคะ”
จีซู่หันมามองเห็นมาริไม่หลงเหลืออาการปวดอีกก็ถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “คุณปวดท้องอยู่ไม่ใช่เหรอ”
มาริเลยสารภาพว่าแท้จริงแล้วแค่ต้องการอยากจะอยู่กับจีซู่สองต่อสอง พร้อมทั้งบอกว่าถ้าทั้งคู่เจอกันเร็วกว่านี้ก็คงดี
จีซู่ปฏิเสธทันทีว่า “ถึงเราจะเจอกันเป็นร้อยเป็นพันครั้งผมก็ไม่สนใจคุณหรอก อย่าเอาฉางฉินไปเปรียบกับคุณเลย” แล้วจีซู่ก็เดินออกจากห้องทันที ทาคุมิกลับมาถึงห้องเห็นมารีกำลังอาละวาดที่จีซู่ไม่สนใจเธอก็รู้สึกโกรธขึ้นมากตบหน้ามาริแล้วสั่งว่า ห้ามมาริมองผู้ชายคนอื่น เพราะเขาเป็นสามีของมาริ มาริตกใจได้แต่ก็รับคำ
จีซู่วิ่งมาขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่ที่ห้องพัก พอพ่อแม่ของทั้งคู่ รวมถึงยูซู่เห็นจีซู่ก็รีบคว้าของมาปลอมตัว แต่จีซู่บอกว่าเขารู้หมดแล้วว่าทั้งหมดแอบตามเขามา และตอนนี้มันก็เป็นช่วงคับขัน ฉางฉินหายไป พูดภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ ถนนหนทางก็ไม่รู้ แถมยังไม่มีเงินอีก จึงขอให้ทุกคนช่วยเขาตามหาฉางฉิน
ฉางฉินเดินร้องไห้มาตามทาง พอรู้สึกตัวก็กลับโรงแรมไม่ถูก พูดกับใครก็ไม่ได้ แถมบรรยากาศรอบๆก็ดูน่ากลัว แล้วอยู่ๆก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม ฉางฉินตกใจและหวาดกลัวเลยกรีดร้องโวยวาย หาแต่จีซู่ (มีตะโกนว่า จีซู่ ฉันรักเธอ! ... รักที่สุดในโลกด้วย - -;)
จีซู่โผล่มาพอดี ถามกับผู้ชายคนนั้นว่าจะทำอะไรภรรยาของเขา ผู้ชายคนนั้นได้ยินก็หัวเราะเพราะเขาคิดว่าฉางฉินเป็นเด็กหลงทางมา และเขาก็เป็นตำรวจ จีซู่บอกให้ฉางฉินขอโทษคุณตำรวจคนนั้นและบอกว่ากลับไปคราวนี้ฉางฉินต้องตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษให้มากกว่านี้
พอเรื่องจบลงฉางฉินก็บอกจีซู่ว่า เธอกลัวจะไม่ได้เจอจีซู่อีก
จีซู่ถอนหายใจแล้วบอกว่า เขารู้ว่าฉางฉินอยู่ตรงนี้ก็จากเสียงของเธอนั่นล่ะ
ฉางฉินขอโทษจีซู่เรื่องหึงหวงไม่เข้าเรื่องเข้าราว ซึ่งเขาเองก็บอกเหมือนกันว่าเขาตามหาเธอซะแทบแย่
แล้วทั้งคู่ก็คิสกัน(และถูกแอบถ่ายโดยคุณแม่ของจีซู่)
และคืนนั้นทั้งคู่ก็ผ่านคืนหวานชื่นไปด้วยกัน
ตอนขากลับ บนเครื่องบิน ฉางฉินรู้สึกหมั่นไส้คู่มาริและทาคุมิที่สวีทกันหวานแหวว และยังนึกเสียดายว่าทั้งคู่ถ่ายรูปกันน้อยมากแถมยังไม่ได้ซื้อของฝากให้คนที่บ้านอีก จีซู่บอกว่าไม่เป็นไร ...
โดยห่างออกไป คุณแม่ของจีซู่กำลังนั่งดูรูปถ่ายฮันนีมูนของฉางฉินและลูกชายนับร้อยๆใบอย่างมีความสุข
ฉางฉินพยายามจะทำตัวให้เป็นภรรยาที่ดีของจีซู่ เธอวางแผนจะตื่นนอนแต่เช้าเพื่อมาทำอาหารให้คุณสามีที่รัก แต่แล้วอยู่ๆระหว่างที่ฉางฉินวางแผนอยู่ในตอนเช้าตรู่ เธอก็เผลอหลับไปอีก พอตื่นอีกทีก็พบว่าจีซู่กำลังจะออกจากบ้านแล้ว (ในการ์ตูนคือพระเอกยังคงช่วยงานพ่ออยู่ค่ะ) เธอรู้สึกแย่มาก แล้วยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เมื่อโดนจีซู่แกล้งบอกว่า ช่างเป็นชีวิตการแต่งงานที่วิเศษจริงๆ และที่แย่ที่สุดก็คือ ยูซู่เดินเข้ามาตอกย้ำว่าเธอตื่นสาย!
ฉางฉินไปเรียนที่มหาวิทยาลัย แล้วปรับทุกข์ให้หลิวหน่ง และชุนเหมยฟัง ซึ่งเพื่อนทั้งคู่บอกให้ฉางฉินเลิกกังวล เพราะยังไงก็แต่งงานกันแล้ว กลายเป็น Mrs. เจียงไปแล้ว จากคำๆนี้ทำให้ฉางฉินอารมณ์ดีไปทั้งวัน
แต่เมื่อทั้งคู่กลับมาที่บ้าน คุณแม่ก็เตือนลูกชายตัวเองถึงเรื่องที่ลืมไป ซึ่งก็คือเรื่องการจดทะเบียนสมรส นั่นหมายความว่า ฉางฉินยังไม่ใช่ภรรยาที่สมบูรณ์ของจีซู่ ทำให้ฉางฉินรู้สึกหวาดหวั่นในใจชอบกล แถมจีซู่ยังดูเฉยๆกับเรื่องนี้อีก บอกแต่ว่า
“มีบางอย่างต้องคิดก่อน”
วันต่อมาที่ชมรมเทนนิส ฉางฉินเผลอหลุดบอกว่าเธอกับจีซู่ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน จือหยูมาได้ยินก็แกล้งบอกว่า เขาอาจจะหาทางหนีทีไล่เอาไว้ก็ได้ ทำให้ฉางฉินชักไม่มั่นใจในสถานะของตัวเองว่า
“จีซู่ไม่ได้ต้องการแต่งงานกับเธออย่างนั้นเหรอ”
ที่บริษัท
ระหว่างที่จือซู่กำลังนั่งทำงาน พวกชมรมการ์ตูนก็มาหา พร้อมทั้งเสนอเกมส์ที่พวกเขาสร้างจากการ์ตูนที่ใช้ฉางฉินเป็นตัวเอก จีซู่ลองเอามาเล่นดู และสามารถเคลียร์เกมส์ได้ภายในไม่กี่นาที ทำให้พวกชมรมการ์ตูนเสียความมั่นใจ แต่จีซู่ก็เกิดไอเดียบางอย่างขึ้นมา และขอให้พวกชมรมการ์ตูนช่วยเขา
ในคืนนั้น จือซู่ก็โทรบอกฉางฉินว่าจะไม่กลับบ้านไปอีกสักพัก เพราะต้องทำงาน ฉางฉินเลยทำอาหารเซตใหญ่ไปให้เขา ทว่าเขากลับบอกว่าไม่ว่างเจอ ทำให้เธอต้องฝากอาหารไว้กับยามหน้าออฟฟิศ
ฉางฉินรู้สึกแย่มากจนต้องระบายให้สองเพื่อนสนิทฟัง
อาจินมาได้ยินพอดีก็รู้สึกโกรธ เลยไปหาจีซู่ที่บริษัท พร้อมทั้งต่อว่าจีซู่
จีซู่ต่อว่าอาจินกลับไปว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับเขา นี่เป็นเรื่องระหว่างเขากับฉางฉิน พร้อมทั้งบอกว่าอาจินน่ะคงเฝ้านับวันรอให้เขาเลิกกับฉางฉินมากกว่า
ฉางฉินห้ามไม่ให้ทั้งคู่ทะเลาะกัน เธอบอกว่า “ อาจินไม่ผิด คนที่ผิดคือจีซู่ต่างหาก … จีซู่ไม่เคยคิดว่าฉันเป็นภรรยาเธอเลย ... มีแต่ฉันที่แคร์ ที่ทุกข์ทรมานใจ แบบนี้น่ะเหรอที่เรียกว่าชีวิตสมรส!”
จีซู่เลยตอบว่า “ถ้ามันเป็นอย่างนี้ก็เลิกกันเลยดีไหม ถือว่ายังดีที่ยังไม่ได้จดทะเบียนกัน”
ฉางฉินได้ยินก็ทั้งรู้สึกโกรธและเสียใจ เธอวิ่งหนีกลับบ้านไป อาจินรีบวิ่งตาม
... ส่วนจีซู่ก็มีสีหน้าย่ำแย่ พึมพำคนเดียวว่า “ยัยบ้า”
ฉางฉินกลับมาที่บ้านก็เอาแต่ร้องไห้ เพราะถูกคุณแม่ถามก็บอกว่าอ่านนิยายเศร้ามากเกินไปหน่อยเลยร้องไห้ ซึ่งพอลับหลังคุณแม่ ฉางฉินก็คิดถึงสิ่งที่จือซู่พูดเอาไว้ และคิดว่าการแต่งงานของเธอและเขาคงจะต้องจบลงทั้งที่ยังไม่ได้จดทะเบียนกัน สำหรับเธอแล้ว ... นี่เป็นครั้งแรกที่เธอไม่อยากพบหน้าจีซู่ เพราะไม่อยากฟังคำๆนั้นจากเขา
เรื่องของฉางฉินและจีซู่ร่ำลือไปทั่วมหาวิทยาลัย มีคนตำหนิการกระทำของจีซู่มากมาย รวมไปถึงบอกว่าทั้งคู่จะต้องเลิกกันแน่ๆ
ระหว่างที่ฉางฉินกำลังอยู่ในชมรมเทนนิส อยู่ๆจีซู่ก็โผล่มา บอกให้เธอไปกับเขา ฉางฉินบอกจะไปเปลี่ยนชุดก่อน(เพราะเธออยู่ในชุดกีฬา) แต่เขาบอกว่าไม่ทันแล้วให้รีบออกมาเดี๋ยวนี้ ฉางฉินได้แต่ทำตามที่เขาบอก เธอเดินตามเขามายังรถที่จอดอยู่หน้ามหาวิทยาลัย ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของคนรอบๆว่าคงจะไปหย่ากันแน่ๆ ฉางฉินถามจีซู่ว่าจะไปที่ไหน เขาตอบว่าไปโรงแรม
ฉางฉินถูกพามาที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งพอเปิดประตูเข้าไปก็เจอกับคนของบริษัทแพนต้า (บริษัทพ่อของจีซู่) ซึ่งแม้แต่คุณพ่อเองก็ยังตกใจที่ฉางฉินมาทั้งชุดกีฬาแบบนั้น
ฉางฉินก็ถามคุณพ่อว่า “นี่มันอะไรกันคะ”
คุณพ่อก็เล่าว่า “ที่จีซู่ไม่ยอมกลับบ้านทำงานดึกๆดื่นๆทุกๆคืนก็เพื่อทำเกมส์ เขาไม่ได้บอกหนูเหรอ”
แล้วจีซู่ก็พูดขึ้นบนเวทีเกี่ยวกับเกมส์ที่มีฉางฉินเป็นตัวต้นแบบ พร้อมทั้งเปิดตัวชมรมการ์ตูนในฐานะผู้ร่วมงาน
คุณพ่อยังบอกอีกว่า “จีซู่อดหลับอดนอนเพื่อทำเกมส์นี้ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น บนเวทีเขาก็ยังดูไม่เหนื่อยเลย แถมยังบอกว่าจะเป็นคนไปรับฉางฉินจากมหาวิทยาลัยเองด้วย”
จีซู่เรียกให้ฉางฉินขึ้นไปบนเวที แนะนำฉางฉินให้ทุกคนในงานว่า เธอคือต้นแบบของเกมส์ รวมทั้งเป็นภรรยาของเขาด้วย … ทำให้ฉางฉินประทับใจมาก
ซึ่งหลังจากจีซู่ให้ฉางฉินพูดอะไรนิดหน่อย เขาก็หันไปบอกฉางฉินว่า “ไม่ได้เจอกันนานซะเลยนะ ฉางฉิน”
ฉางฉิน ตอบรับเขา และเริ่มร้องไห้
พอตกกลางคืน ที่ห้องนอนของทั้งคู่
จีซู่บอกกับฉางฉินว่าจะกลับไปเรียนหมอเหมือนเดิมแล้ว พร้อมทั้งถามฉางฉินว่า “รู้ไหมว่าที่มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นตั้งสองเรื่องเพราะอะไร”
ฉางฉินถามกลับด้วยท่าทางอยากรู้ “อะไรล่ะ”
จีซู่ : “ก็เพราะข้าวที่เธอทำให้ฉันกินยังไงล่ะ” พูดจบจีซู่ก็คิสเธอ ฉางฉินบอกถึงความในใจว่าคิดถึงเขามากแค่ไหน แต่จีซู่ก็ผล็อยหลับไปก่อน เธอจึงหันไปจุ๊บแก้มบอกราตรีสวัสดิ์กับเขา
และในเช้าต่อมา เช้าที่จือซู่กลับไปเรียนหมอ เขาก็ชวนให้ฉางฉินแวะไปที่แห่งหนึ่งก่อน นั่นก็คือ ที่ว่าการอำเภอ
ทีแรกฉางฉินยังไม่เข้าใจว่ามาที่นี่ทำไม จนกระทั่งเขาถามหาใบทะเบียนสมรสจากเจ้าหน้าที่ ฉางฉินรู้สึกตื่นเต้นมาจนเขียนนามสกุลไม่สวย (เลยโดนบอกให้เขียนใหม่ ) พอจดทะเบียนเสร็จ ฉางฉินก็ถามออกมาด้วยใบหน้าสุดซึ้ง
“นี่ฉันเป็นภรรยาของจีซู่จริงๆแล้วเหรอเนี่ย”
จีซู่หันมายิ้มให้
ซึ่งจีซู่ให้เหตุผลที่ยังไม่ยอมจดทะเบียนสมรสในตอนแรกว่า เขายังห่วงบริษัทของพ่ออยู่ แถมการแต่งงานก็ถูกจัดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้แผนการของเขาผิดพลาดไปหมด ฉางฉินฟังแล้วก็บอกว่า เข้าใจเขา แต่ก็โดนจีซู่เหน็บกลับเรื่องที่เธอเข้าข้างอาจินในตอนนั้น ก่อนที่จะบอกกับฉางฉินด้วยใบหน้ายิ้มๆ(แบบกวนๆ) ว่า
“ฝากตัวด้วยนะจ๊ะ ยาหยี”
แล้วทั้งคู่ก็กลับไปเรียนด้วยกัน ท่ามกลางความสนใจของคนทั้งมหาวิทยาลัย (จากข่าวลือเรื่องหย่ากัน)
ยูซู่เข้าเรียนมัธยมต้นปีที่ 1 ในห้องเอ (เหมือนจีซู่) พร้อมทั้งปฏิญาณว่าจะเจริญรอยตามพี่ชายทุกฝีก้าว
ยูซู่ไปปฐมนิเทศเด็กเข้าเรียนใหม่ ส่วนจีซู่กับฉางฉินก็ไปงานรับน้องใหม่ที่มหาวิทยาลัย สีสันของการโปรโมทชมรมทำให้ฉางฉินตื่นเต้น ในขณะที่จีซู่ยังทำหน้าเฉยๆ
และทั้งคู่ก็ผ่านไปชมรมการ์ตูน มีการโฆษณาเกมส์ที่จีซู่ทำ (ลืมเล่าไปว่าเกมส์นี้ดังมาก) ฉางฉินบอกว่าที่เกมส์ดังได้เพราะ 90% จีซู่เป็นคนทำ และ 9%เธอเป็นโมเดล (คือเหลือความดีความชอบให้ชมรมการ์ตูนแค่ 1% เท่านั้น)
ฉางฉินคุยกับจีซู่ระหว่างเดินเกี่ยวกับว่าเป็นปีสุดท้ายที่เธอจะเรียนที่นี่ แต่กลับโดนจีซู่กวนกลับว่า
“แน่ใจหรือว่าจะเป็นปีสุดท้าย” ^^; ก่อนที่จีซู่จะแยกไปทางคณะแพทย์ฯ
แน่นอนว่าการที่จีซู่กลับมาเรียนหมอนั้นทำให้เวลาระหว่างเธอกับเขาน้อยลง แต่ฉางฉินก็ไม่มีโอกาสที่จะมากังวลเรื่องนี้ เพราะเธอต้องมาหนักใจกับเรื่องฝึกงานแทน (เมื่อเพื่อนๆเริ่มหากันแล้ว ในขณะที่เธอยังไม่รู้เลยว่าอยากจะทำอะไร)
เพื่อนของฉางฉิน เองก็หาสิ่งที่สนใจได้แล้ว (คนหนึ่งที่มีแฟนเป็นนักร้องก็ไปทำเกี่ยวกับด้านดนตรี ส่วนอีกคนก็เป็นOL)
แต่ฉางฉินยังคงหาไม่เจอว่าตัวเองอยากทำอะไร
(เพื่อนๆบอกให้เธอไปเป็นแม่ศรีเรือนให้จีซู่ซะก็หมดเรื่อง )
ฉางฉินมาหาจีซู่ที่คณะเพราะเขาลืมหนังสือเอาไว้ ทำให้เธอได้พบกับ ‘ฟุนาซึ’(ตามหนังสือการ์ตูน) ที่เป็นนักศึกษาแพทย์
เธอถามหาจีซู่จากเขา
ฟุนาซึถามกลับว่าเธอเป็นภรรยาของจีซู่เหรอ ฉางฉินเขินอาย+ดีใจที่ถูกถามแบบนี้
ฟุนาซึบอกต่อว่า “เธอเองหรอกหรือ ... ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีคนทำให้หัวใจของอัจฉริยะอย่างเจียงจีซู่ละลายได้ แต่ดูท่าทางจะผิดกับที่คิดลิบลับเลย”
ฉางฉินฟังด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ+ไม่ค่อยเข้าใจ
ฟุนาซึนำฉางฉินมาหาจีซู่ที่ห้องแลป พอเจอหน้าจีซู่ ฟุนาซึก็บอกว่า “เมียนายหลงทางแหนะ”
ฉางฉินพอเห็นจีซู่ในชุดกาวน์ก็ตื่นเต้น + ประทับใจ + หลงรักอีกรอบ - -‘’
“ฉันเอาหนังสือมาให้” ฉางฉินบอกกับจีซู่ พอจีซู่มองเห็นก็ทำหน้าเซ็ง ถามกลับ “นี่มันหนังสือหมอประจำบ้านเอามาทำไม”
ฉางฉินทำหน้าตกใจ ในขณะที่ฟุนาซึหัวเราะไม่หยุดอยู่ด้านหลัง (เปิ่น!)
ฟุนาซึหัวเราะพร้อมแล้วบอกออกมาว่า “ให้ตายสิ คนอย่างนายเนี่ยหยิบจับอะไรก็เป็นรุ่ง แต่ไหงกะเรื่องผู้หญิงถึงไปคว้าเอาก้อนกรวดมา ทำเป็นพวกรสนิยมต่ำไปได้” จีซู่เหลียวมองฟุนาซึด้วยหางตา ฉางฉินทำตาโต อ้าปากค้างอยู่ถึงความหยาบคายที่ฟุนาซึทำ แล้วลุ้นให้จีซู่เอาคืนแทน แต่ว่า ... “ใช่แล้วไง” จีซู่พูด ฉางฉินอ้าปากค้าง ตาโต รอบสอง -___-‘’ ก่อนที่จีซู่จะพูดต่อว่า “แต่คนอย่างนายน่ะคงจะไม่เป็นที่ค้นพบของใครเขาหรอกมั้ง ... เพราะว่านายน่ะเป็นพวกชอบเบอร์สอง” ฟุนาซึได้ยินก็สติแตกทันที ชี้หน้าจีซู่ พร้อมทั้งแหกปากท้าทายใส่ “แก! ทำปากดีได้ไม่นานหรอก! คอยดูวันแถลงวิทยานิพนธ์ ฉันจะเอานายหน้าแหก และฉันก็คือคนที่จะไปงานสัมมนาแทนที่จะเป็นแก!”
พูดจบก็เดินฟึดฟัดจากไป จีซู่ไม่สนใจ ไม่สะทกสะท้านใดๆ ฉางฉินเห็นแล้วเป็นห่วง จีซู่บอกให้ฉางฉินเลิกสนใจฟุนาซึซะ เพราะฟุนาซึเป็นพวกคนพิลึก
... ห่างออกไป ฟุนาซึจ้องมองทั้งคู่ด้วยสายตาอาฆาตมาดร้าย
ในชมรมเทนนิส
ซีหยูเล่าเรื่องฟุนาซึให้ฉางฉินฟัง เพราะรู้จักฟุนาซึมาก่อนเพราะเป็นเพื่อนเรียนสมัยมัธยมปลาย
ฟุนาซึเป็นคนเก่งระดับเดียวกับซีหยู แต่ก็แพ้เพียงจีซู่ ทำให้ไม่เคยได้ที่หนึ่ง ซึ่งสร้างความคับแค้นใจให้ฟุนาซึเป็นอย่างมาก เลยต้องการจะเอาชนะจีซู่ให้ได้ในสักวัน แต่ยังไงๆเขาก็ทำได้แค่ที่สอง
ซึ่งการแถลงวิทยานิพนธ์ก็เป็นเรื่องที่ฟุนาซึหวังเอาไว้มาก
ทั้งคู่คุยกันได้สักพัก รุ่นพี่ฮ่าวเจี้ยนก็มา คุยกันเรื่องการทำงานทำให้ฉางฉินนึกถึงความยากลำบากของการทำงาน
และแน่นอนว่าเธอยังหาที่เธออยากทำไม่ได้เลย |